มาตรการลดดอกเบี้ยสู้โควิด-19
สถานการณ์โควิด19 มีความรุนแรงขึ้นทุกวัน ทำให้ประชาชาชนที่มีหนี้สินต้องประสบปัญหาเพราะรายได้ที่น้อยลง ลำพังเงินที่ใช้ในชีวิตประจำวันทุกวันนี้ยังแทบจะไม่พอ การผ่อนชำระหนี้จึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากขึ้นมาทันตา ทำให้แบงค์ชาติออกมาแถลงการณ์เพื่อไม่ให้เกิดหนี้เสีย รวมถึงควบคุมลูกหนี้ในระบบให้ไม่เกิดปัญหา โดยมาตรการดังกล่าวจะไม่ทำให้ลูกหนี้เสียเครดิต หรือประวัติการผ่อนชำระหนี้แต่อย่างใด
กลุ่มลูกหนี้บัตรเครดิตและเงินสดหมุนเวียน
ให้ลดอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำจากเดิม 10% เหลือ 5% ในปี 2563-2564 และเพิ่มเป็น 8% ในปี 2565 และกลับมาเป็น 10% ในปี 2566 นอกจากนั้นลูกหนี้ยังสามารถเปลี่ยนเป็นสินเชื่อระยะยาวที่ดอกเบี้ยต่ำลงได้
กลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคลผ่อนชำระเป็นงวดและสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ
ธนาคารพาณิชย์และสถาบันสินเชื่อเฉพาะกิจเลื่อนการชำระเงินต้นและดอกเป็นเวลา 3 เดือน ผู้ให้บริการอื่นเลื่อนการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือน หรือลดค่างวดอย่างน้อย 30% เป็นเวลา 6 เดือน
กลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อ
รถมอเตอร์ไซต์วงเงินไม่เกิน 35,000 บาท รถทุกประเภทวงเงินไม่เกิน 250,000 บาท และกลุ่มลีสซิ่งที่หนี้คงเหลือไม่เกิน 3 ล้านบาท ให้เลือกระหว่างเลื่อนการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือนหรือ พักชำระหนี้เป็นเวลา 6 เดือน
กลุ่มสินเชื่อบ้าน วงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท และสินเชื่อธุรกิจ SMEs ไมโครไฟแนนซ์ และนาโนไฟแนนซ์ วงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท
ทั้งสองกลุ่มมีมาตรการเดียวกันคือ พักชำระเงินต้น 3 เดือน และพิจารณาให้ลดอัตราดอกเบี้ยตามสถานการณ์ของแต่ละราย
นอกจากนั้นเรามาดูกันว่า ธนาคารรายใหญ่มีมาตรการในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและมาตราการพักชำระหนี้เพื่อช่วยลูกหนี้ในวิกฤตนี้อย่างไรบ้าง
สินเชื่อบ้าน
- พักการผ่อนชำระเงินต้น (ชำระแต่ดอกเบี้ย)
ธนาคารกรุงเทพ(12 เดือน), ธนาคารกสิกร (12 เดือน), ธนาคารไทยพาณิชย์ (6 เดือน), ธนาคารทหารไทย (3 เดือน), ธนาคารเกียรตินาคิน (6 เดือน), ธนาคารธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ (12 เดือน), ธนาคารธอส. (6 เดือน), ธนาคารกรุงศรี (6 เดือน),ธนาคารยูโอบี (12 เดือน), ธนาคารทิสโก้ (6 เดือน)
- ปรับยอดผ่อนชำระรายเดือน
ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรี ธนาคารทิสโก้ ธนาคารซีไอเอมบี ธนาคารยูโอบี
- ลดอัตราดอกเบี้ยและอื่นๆ
ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารเกียรตินาคิน ธนาคารทิสโก้ ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ธนาคารยูโอบี
- ขยายเวลาชำระหนี้
ได้แก่ ธนาคารเกียรตินาคิน ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ธนาคารทิสโก้ ธนาคารซีไอเอมบี ธนาคารยูโอบี
- พักชำระหนี้ 3 เดือน
ได้แก่ ธนาคารธนชาติ ธนาคารทีเอมบี
สินเชื่อส่วนบุคคล
- ปลอดต้น เว้นผ่อนชำระเงินต้น 12 เดือน
ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกร
- พักชำระ 3 เดือน
ได้แก่ ธนาคารธนชาติ ธนาคารทีเอมบี
- ลดยอดชำระต่อเดือน
ได้แก่ ธนาคารกรุงศรี ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ
สินเชื่อรถยนต์
- พักชำระค่างวด 6 เดือน
ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารธนชาติ ธนาคารกรุงศรี
- ลดค่างวด
ได่แก่ ธนาคารกสิกร ธนาคารกรุงศรี
บัตรเครดิต
- ลดอัตราดอกเบี้ย
ได้แก่ ธนคารกรุงเทพ (ลด 50% ยกเว้นดอกเบี้ยจากหนี้ค้างชำระ) ธนาคารยูโอบี(ลดดอกเบี้ยและค่าปรับ) ธนาคารซิตตี้แบงค์ (ลดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม)
- พักชำระหนี้
ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ(ไม่เกิน 3 รอบบัญชี), ธนาคารทีเอมบี(ไม่เกิน 3 รอบบัญชี), ธนาคารไทยพาณิชย์ (ไม่เกิน 6 รอบบัญชี)
- ลดการชำระเงินขั้นต่ำ
ธนาคารกรุงเทพ (เหลือการชำระไม่เกิน 10%)
ธนาคารยูโอบี (ตามเงื่อนไข)
ธนาคารซิตี้แบงค์ (ตามเงื่อนไข)
ธนาคารกสิกร (จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยถึงเดือนธันวาคม)
ธนาคารธนชาติ (บัตรเครดิตเหลือชำระไม่เกิน 5% หรือไม่เกิน 500 บาท บัตรกดเงินสดเหลือมาเกิน 1% หรือไม่เกิน 100 บาท ระยะเวลา 3เดือน)